การพัฒนาประเทศในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา ได้มีการมุ่งเน้นการพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจ
ที่คำนึงถึงตัวเลขการเจริญเติบโตเป็นหลัก เช่น ตัวเลขการเจริญเติบโตของรายได้ต่อประชากร จำนวนการ
จ้างงาน การผลิตภาคอุตสาหกรรม เป็นต้น ซึ่งสามารถยกระดับประเทศได้ในระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตามผล
ของการพัฒนาดังกล่าวแลกมาด้วยการใช้ทรัพยากรอย่างมหาศาล ทำให้เกิดความเสื่อมโทรมในหลากหลาย
มิติ สร้างปัญหาสิ่งแวดล้อม ลดความหลากหลายทางชีวภาพ เกิดของเหลือที่สร้างมลพิษ ซึ่งท้ายที่สุด
จะเป็นปัญหาที่ย้อนกลับมากระทบต่อประชาชนและเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว นอกจากนี้ ในรอบ 10 ปี
ที่ผ่านมา อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศไทยมีแนวโน้มลดลง และมีค่าเฉลี่ยเพียงร้อยละ 3
ต่อปี เนื่องจากไม่สามารถสร้างมูลค่าให้กับทรัพยากรที่ใช้ไปได้อย่างเต็มศักยภาพ สะท้อนภาพของ
การพัฒนาเศรษฐกิจที่มีลักษณะ “ทำมากแต่ได้น้อย” ด้วยรูปแบบการพัฒนาดังกล่าว ไม่เพียงพอต่อการทำให้
ประเทศไทยหลุดพ้นกับดักประเทศรายได้ปานกลางได้1
จากสภาพปัญหาที่เกิดขึ้น ทำให้ประเทศไทยจำเป็นต้องหาแนวทางการพัฒนารูปแบบใหม่ที่คำนึง
ทั้งด้านการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ การพัฒนาด้านสังคมและการรักษาสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกัน ดังนั้น
เมื่อวันที่ 19 มกราคม 2564 คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบให้การขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ
เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy: BCG Model): โมเดล
เศรษฐกิจสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน เป็นวาระแห่งชาติ ตั้งแต่ พ.ศ. 2564 เป็นต้นไป ซึ่งเป็นแนวทางที่พยายาม
สร้างความสมดุลในการพัฒนาทั้งสามด้าน