ประเทศไทยมีเด็กส่วนใหญ่อยู่ในระบบการศึกษา แต่ยังมีเด็กบางส่วนที่ต้องเข้าสู่ตลาดแรงงานก่อนวัยอันควร เนื่องจากมีการเติบโตและการแข่งขันด้านอุตสาหกรรมสูง ทำให้ตลาดแรงงานขนาดเล็กมีความต้องการจ้างแรงงานราคาถูก เพราะสามารถลดต้นทุนในการผลิต อีกทั้งวัฒนธรรมของประเทศไทยที่เด็กต้องช่วยทำงานให้กับครอบครัว ทำให้ประเทศไทยถูกจับตามองจากต่างประเทศ
ประกอบกับประเทศไทยได้ให้สัตยาบันอนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศ ฉบับที่ 182 ว่าด้วยการห้ามและการดำเนินการโดยทันทีเพื่อขจัดรูปแบบที่เลวร้ายที่สุดของการใช้แรงงานเด็ก (Convention Concerning the Prohibition and Immediate Action for the Elimination of the Worst Forms of Child Labour) เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2544 ซึ่งต้องมีการดำเนินการขจัดการใช้แรงงานเด็กในรูปแบบที่เลวร้ายตามวัตถุประสงค์ของอนุสัญญาฯ โดยคณะกรรมการระดับชาติเพื่อขจัดการใช้แรงงานเด็กในรูปแบบที่เลวร้าย มีการจัดทำแผนงานระดับชาติเพื่อเป็นกลไกการดำเนินงานดังกล่าว เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีข้อมูลจริงที่น่าเชื่อถือในระดับประเทศจากแหล่งข้อมูลเดียวกัน ซึ่งจะส่งผลให้แต่ละหน่วยงานมีทิศทางการดำเนินงานไปในแนวเดียวกัน