การใช้ประโยชน์ในเนื้อที่ถือครอง จำแนกตามลักษณะต่าง ๆ ดังนี้
1) ที่ปลูกข้าว พืชไร่ พืชผัก สมุนไพรและไม้ดอกไม้ประดับ หมายถึง ที่ดินที่ใช้ปลูกข้าว หรือพืชไร่ หรือพืชผัก สมุนไพรและไม้ดอกไม้ประดับ
2) ที่ปลูกยางพารา หมายถึง ที่ดินที่ใช้ปลูกยางพารา ซึ่งเป็นพืชที่มีอายุนานประมาณ 20–25 ปี
3) ที่ปลูกพืชยืนต้นและไม้ผล หมายถึง ที่ดินที่ใช้ปลูกพืชยืนต้นและไม้ผล เช่น ปาล์มน้ำมัน สะตอ สะเดา หมาก มะม่วง เงาะ และทุเรียน เป็นต้น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพืชที่มีอายุนาน ไม่ต้องปลูกใหม่ทุกปีหลังเก็บผลผลิตแล้ว
4) ที่ปลูกสวนป่า หมายถึง ที่ดินที่ใช้ปลูกป่า (ไม่ได้ขึ้นเองตามธรรมชาติ)
รวม การปลูกป่าตามโครงการปลูกป่าของรัฐ
5) ทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ หมายถึง ที่ดินที่มีการปลูกหญ้าเลี้ยงสัตว์หรือพืชอื่น หรือที่ดินที่มีหญ้า หรือพืชอื่นขึ้นเองตามธรรมชาติและใช้เป็นที่เลี้ยงสัตว์โดยการนำสัตว์เข้าไปกินหญ้าหรือพืชในที่ดินผืนนั้น ทุ่งหญ้าดังกล่าวอาจมีต้นไม้หรือพุ่มไม้ขึ้นบ้าง และอาจใช้ไม้ทำประโยชน์อย่างอื่นด้วย แต่ถ้ามีวัตถุประสงค์ส่วนใหญ่เพื่อใช้เลี้ยงสัตว์ก็ให้ถือว่าเป็น “ทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์”
6) ที่เลี้ยงสัตว์ (คอกสัตว์) หมายถึง อาณาบริเวณที่ผู้ถือครองกำหนดขอบเขตไว้เพื่อใช้เลี้ยงหรือเป็นที่พักของสัตว์อาจมีการสร้างโรงเรือนหรือไม่ก็ได้ เช่น โรงเรือนเลี้ยงไก่ เป็ด สุกร วัว คอกสัตว์ใต้ถุนบ้าน เป็นต้น
7) ที่เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในพื้นที่น้ำจืด หมายถึง พื้นที่ที่มีการเพาะเลี้ยงและเพาะฟักและ/หรืออนุบาลสัตว์น้ำในพื้นที่น้ำจืด
8) ที่ทำนาเกลือสมุทร หมายถึง ขนาดของเนื้อที่ผืนดินทั้งหมดที่ใช้ในการผลิตเกลือสมุทร
9) แหล่งน้ำเพื่อการเกษตร หมายถึง แหล่งน้ำที่สามารถนำไปใช้เพื่อการเกษตรในที่ถือครอง เช่น ใช้น้ำสำหรับปลูกพืช ได้แก่
9.1) บ่อน้ำตื้น หมายถึง แหล่งน้ำผิวดินที่สามารถขุดน้ำมาใช้รวมถึงลักษณะบ่อน้ำที่ใส่ปลอกซีเมนต์ ไม้ คอนกรีต หรือบ่อดินถาวรที่ใช้เป็นประจำ
9.2) สระน้ำ หมายถึง แหล่งน้ำผิวดินที่ถูกกักเก็บในพื้นที่ลุ่ม สระที่ขุดเป็นที่เก็บกักน้ำ
10) ที่อื่นๆ หมายถึง เนื้อที่ส่วนของผืนที่ดินที่เป็นที่ถือครองทำการเกษตรส่วนที่นอกเหนือจากข้อ 1 - 9 ซึ่งไม่ได้ใช้เพาะปลูกพืช เลี้ยงสัตว์ เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในพื้นที่น้ำจืด และทำนาเกลือสมุทร ซึ่งได้แก่ ที่ที่มีสิ่งปลูกสร้าง ป่า
ที่รกร้างว่างเปล่า โคกดิน จอมปลวก ที่ใช้วางเครื่องมือเครื่องใช้ที่พักผ่อนหย่อนใจ ฯลฯ